เทรนด์”รถยนต์ไฟฟ้า” มาเร็วกว่าที่คิด…มาแรงกว่าที่คาด

ผมกำลังพูดถึงเทรนด์ “รถยนต์ไฟฟ้า” ที่กำลังมาแรงและเร็วขึ้นเรื่อยๆ ตามกระแสรักษ์โลกที่ยากจะต้านทานได้

เนื่องจากรถยนต์ (น่าจะ) เป็นเครื่องจักรที่ปรับเปลี่ยนได้ง่ายสุดแล้วก็ว่าได้

เนื่องจากบรรดาอุตสาหกรรมใหญ่ๆ ที่สร้างมลพิษหรือทำให้โลกร้อนนั้น ประเทศมหาอำนาจยังไม่ยอมเลิกง่ายๆ เนื่องจากมีรายได้มหาศาลและการปรับเปลี่ยนก็ไม่ง่ายนัก

แต่กับรถยนต์แล้วด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันทำให้ “รถยนต์ไฟฟ้า” มีสมรรถนะแทบไม่แตกต่างจากรถใช้น้ำมัน

เห็นได้ชัดจากรถหลายรุ่นของ”เทสล่า” ยักษ์ใหญ่รถยนต์ไฟฟ้าจากอเมริกา มีความเร็ว-ความแรงไม่แพ้รถซูเปอร์คาร์

อีกทั้งข้อจำกัดเรื่องการระยะทางก็แทบไม่มีปัญหา เพราะทุกวันนี้การชาร์จไฟ 1 ครั้งวิ่งได้ระยะทางไม่ต่างจากการเติมน้ำมัน 1 ถัง

รวมทั้งพัฒนาระบบ”ชาร์จเร็ว”ได้ดีขึ้นอีกด้วย

ยิ่งในระดับโลกรถยนต์ไฟฟ้าถือว่ากำลังเป็นเทรนด์ที่”ใช่”

แม้แต่ประเทศจีนที่ได้ชื่อว่ามีอุตสาหกรรมที่สร้างมลพิษให้โลกมากที่สุดประเทศหนึ่ง ยังใส่ใจกับการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าอย่างจริงจัง จนแซงหน้าประเทศในแถบยุโรป

ช่วงกลางปี 2559 จีนประสบความสำเร็จตามเป้าหมายแรกเมื่อรถยนต์ไฟฟ้ามีส่วนแบ่งการตลาด 1.1% ของยอดขายรถยนต์ใหม่ทั้งหมด

จากคาดการณ์ของผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าภายใน 1-2 ปีจากนี้ จีนจะกลายเป็นผู้นำในการผลิตและใช้รถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก

ขณะที่ประเทศแถบยุโรปแม้ยังใช้รถยนต์ไฟฟ้าน้อยกว่าจีน แต่ดูตัวเลขการเติบโตแบบปีต่อปีเพิ่มขึ้นเกือบๆ 100%

จากการสำรวจประเมินว่าในปีนี้ยอดขายรถยนต์พลังงานทางเลือก(ทุกชนิด) จะมีถึง 20% ของยอดขายรถยนต์ทั่วโลก

แน่นอนว่า”ไฮบริด”หรือเครื่องยนต์ลูกผสมน้ำมัน+ไฟฟ้า ยังเป็นรถพลังงานทางเลือกที่มียอดขายเยอะสุด แต่รถไฟฟ้าล้วนๆ หรือ”EV”ก็ค่อยๆ มีส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

จนทำให้แม้แต่”โตโยต้า”ที่ก่อนหน้านี้เทน้ำหนักไปกับพลังงาน”ไฮโดรเจน” จนสามารถออกรถเชิงพาณิชย์ได้เป็นค่ายแรกของโลกในรุ่น”มิไร”(Mirai) ยังต้องหันมาพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างจริงจังมากขึ้น

เช่นเดียวกัน “ฮอนด้า” ที่ทำรถไฮบริดมานาน ก็จับมือกับ “ฮิตาชิ” ลงนามร่วมกันตั้งบริษัทเพื่อผลิต “มอเตอร์ไฟฟ้า” ใช้ในรถยนต์

ในส่วนของประเทศไทยที่วางแผนระยะยาว 20 ปี ให้มีรถยนต์ไฟฟ้าวิ่งบนถนน 1.2 ล้านคัน

ถือว่าได้รับความร่วมมือจากหลายภาคส่วนทั้งรัฐ-เอกชน ค่อยๆ เพิ่มสถานีชาร์จไฟมากขึ้นเรื่อยๆ

เพราะกรณีนี้ไม่ต่างจาก “ไก่” กับ “ไข่” ว่าอะไรเกิดก่อนกัน

ทำให้ภาครัฐจำเป็นต้องลงทุน หรือสนับสนุนการสร้างสถานีชาร์จให้ครอบคลุมที่สุด เพื่อดึงดูดคนไทยหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น

ซึ่งถือว่ามาถูกทางแล้วเพราะเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า “มาแน่” และอาจมาเร็วกว่าที่คาดเอาไว้เสียด้วย

ขอชอบคุณบทความจาก มอเตอร์ทอล์ก โดย สันติ จิรพรพนิต

http://daily.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROallYSXdNekExTURNMk1BPT0

ความเห็นของคุณ

comments

ใส่ความเห็น